วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ลักษณะของริแลกคุมะ

ลักษณะของรีแลกคุมะ

รีแลกคุมะ เป็นหมีเพศผู้ ตัวอวบอ้วนสีน้ำตาล ข้างในใบหูเป็นสีเหลือง หน้าท้องสีขาวมีลักษณะป่องเล็กน้อย (สงสัยจะกินแล้วก็นอนบ่อยๆ) ในการ์ตูนจะอาศัยอยู่กับสาวออฟฟิศที่ชื่อ คาโอรุ

ของชอบของรีแลกคุมะ

สิ่งที่รีแลกคุมะชอบทำ ก็คือ การพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับ การนอนกลิ้งบนพื้น โดยจะต้องนอนในถุงนอนสีเหลืองของคาโอรุเท่านั้น การดูทีวี การฟังเพลง และการแช่น้ำร้อน และอีกกิจกรรมที่เป็นที่โปรดปรานของรีแลกคุมะ ก็คือ การกิน โดยอาหารโปรดของรีแลกคุมะ ได้แก่ ดังโงะ ข้าวห่อไข่ พุดดิ้งคัสตาร์ด และ แพนเค้กราดน้ำผึ้ง

เพื่อน ๆ ของรีแลกคุมะ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ริลัคคุมะนอกจากนี้รีแลกคุมะ ยังอาศัยอยู่กับเพื่อน ๆ อีก 2 ตัวด้วย ได้แก่ โคะรีแลกคุมะ (Korilakkuma)ซึ่งตัวเล็กกว่ารีแลกคุมะ เป็นหมีสีขาวครีม ใบหูสีชมพู และ นกสีเหลืองที่ชื่อ คิอิโระอิโทะริ (Kiiroitori) ซึ่งเป็นนกที่มีความฉลาดหลักแหลมเกินนกธรรดา รีแลกคุมะมักจะโดนเพื่อน ๆ แกล้งอยู่เสมอ โดยเฉพาะโคะรีแลกคุมะ มักจะเอาปากกามาเขียนหน้าของรีแลกคุมะ ตอนรีแลกคุมะนอนหลับอยู่เป็นประจำ

ประวัติกาฟิว

การ์ฟีลด์ (อังกฤษGarfield) เป็นการ์ตูนช่องเรื่องสั้น เขียนโดย จิม เดวิส ตัวละครนำในเรื่องได้แก่ เจ้าแมวอ้วน การ์ฟีลด์ เจ้าหมาน้อย โอดี้ และหนุ่มผู้เป็นเจ้าของเจ้าการ์ฟิลด์และโอดี้ จอน อาร์บัคเคิ้ล ในปี ค.ศ. 2006 การ์ตูนช่องเรื่องการ์ฟีลด์ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์กว่า 2,570 ฉบับทั่วโลก หนังสือกินเนสบุ๊คได้บันทึกว่าการ์ตูนเรื่องนี้ เป็นการ์ตูนช่องที่ได้รับการตีพิมพ์มากที่สุดในโลก[1] นอกจากนี้ ความสำเร็จของการ์ฟีลด์มิได้หยุดแค่ในหนังสือพิมพ์ การ์ฟีลด์ยังปรากฏโฉมในรูปแบบ
การ์ตูนคอมมิค การ์ตูนแอนนิเมชั่น ภาพยนตร์ และสินค้าลิขสิทธิ์อื่นๆ อีกมากมายหลายรูปแบบ ถือเป็นการ์ตูนอเมริกันที่ประสบความสำเร็จที่สุดเรื่องหนึ่ง

ที่มาของชื่อ การ์ฟีลด์

จิม เดวิส ผู้ให้กำเนิดเจ้าเหมียวอ้วน การ์ฟีลด์ ได้นำชื่อนี้มาจากปู่ของเขา เจมส์ การ์ฟีลด์ เดวิส ซึ่งชื่อของปู่ได้ตั้งตามชื่อของอดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา เจมส์ การ์ฟีลด์

ประวัติ

ค.ศ. 1978 
จิม เดวิส เริ่มเขียนการ์ตูน เรื่อง การ์ฟีลด์ ในหนังสือพิมพ์ประเทศสหรัฐอเมริกา
ค.ศ. 1979 
การ์ตูน เรื่องการ์ฟีลด์ เขียนครบ 100 ฉบับ
ค.ศ. 1980 
การ์ตูน เรื่องการ์ฟีลด์ มีหนังสือเล่มแรกเรื่อง ชื่อเรื่องว่า Garfield at Large ยอดขายอันดับ 1
ค.ศ. 1981 
การ์ตูน เรื่องการ์ฟีลด์ มีหนังสือ 3 เล่ม ยอดขายติดอยู่ใน The New York Times
ค.ศ. 1982 
การ์ตูน เรื่องการ์ฟีลด์ เขียนครบ 1,000 ฉบับ ได้มีภาพยนตร์ ชื่อเรื่อง Here Comes Garfield ฉายทางช่อง CBS
ค.ศ. 1983 
การ์ตูน เรื่องการ์ฟีลด์ได้ถูกแปล 7 ภาษา มีขาย 22 ประเทศ
ค.ศ. 1984 
ได้สร้างบัลลูน การ์ฟีลด์ ขนาดใหญ่ ในงานพาเหรดวันขอบคุณพระเจ้า
ค.ศ. 1985 
Garfield In The Rough ได้รับรางวัลเอ็มมี อวอร์ด สาขารายการการ์ตูนดีเด่น
ค.ศ. 1986 
การ์ตูน เรื่องการ์ฟีลด์ เขียนครบ 1,800 ฉบับ Garfield's Halloween Adventure ได้เข้าชิงเอ็มมี อวอร์ด
ค.ศ. 1987 
การ์ตูน เรื่องการ์ฟีลด์ เขียนครบ 2,000 ฉบับ
ค.ศ. 1988 
การ์ฟีลด์อายุครบ 10 ปี

ประวัติทอม&เจอรี่

ทอม กับ เจอรี่ เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ วิลเลี่ยม ฮันน่า กับ โจเซฟ บาร์เบร่า ผู้ให้กำเนิด Hanna Barbera Studio และได้ผ่านมือของผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง มากความสามารถหลายต่อหลายคน ก่อนที่แมวหนูคู่นี้จะกำเนิดขึ้นนั้น ขอย้อนกลับไปในช่วงปลายยุค 30 ทั้งฮันน่า กับ บาร์เบร่า ได้เข้าร่วมงานกับ MGM cartoon studio ซึ่งตัวการ์ตูนที่ทั้งสองคนได้คิดค้นนั้น ก็เป็นตัวการ์ตูนแมวกับหนู ในหนังอนิเมชั่นชื่อ Puss Gets the Boot ซึ่งสร้างเสร็จปี 1939 และออกฉายในโรงวันที่ 10 ก.พ.1940 โดยหนังดังกล่าวจะเน้นเรื่องราวของแมวสีเทาที่มีชื่อว่า แจสเปอร์ พยายามที่จะจับหนูตัวนึง จนข้าวของภายในบ้านพัง และเจ้าแจสเปอร์ก็ถูก"คุณแม่ 2 ขา"จับโยนออกนอกบ้านไป....แม้ว่าหนังอนิเมชั่นเรื่องดังกล่าวจะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของทอม กับ เจอรี่ ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน

   ต่อจากนั้น ฮันน่า กับ บาร์เบร่า ก็ง่วนกับการทำอนิเมชั้นเรื่องสั้นเนื้อหาอื่นๆ จนกระทั่ง โปรดิวเซอร์ เฟรด ควิมบี้ ได้ขอร้องให้ทั้งคู่กลับมาทำอนิเมชั่นเนื้อหาหนูกับแมวอีกครั้ง ซึ่งทั้งคู่ก็ยินดี ฮันน่า กับ บาร์เบร่าจึงได้จัดการประกวดชื่อของตัว

การ์ตูนคู่หูหนูแมวคู่ใหม่ของเขาภายในสตูดิโอ และก็มีคนเสนอหลายชื่อจนกระทั่ง จอห์น คาร์ อนิเมเตอร์คนหนึ่ง ได้เสนอชื่อ "ทอม" กับ "เจอรี่" ขึ้นมา ซึ่งทั้งคู่ก็ชอบอกชอบใจชื่อนี้มาก ก็เลยกลายเป็นชื่อของตัวการ์ตูนแมวหนูของเขาไปโดยปริยาย และเจ้าทอมกับเจอรี่ได้ปรากฏตัวครั้งแรกกับหนังอนิเมชั่น The Midnight Snack ปี 1941
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ทอมแอนเจอรี่ เรื่องย่อ


  ในปี 1946 ทอมกับเจอรี่ได้รับรางวัล Academy Award จากหนังอนิเมชั่นชุด The Cat Concerto แม้ว่าเรื่องนี้ยังคงเน้นธีมแมวไล่จับหนูอยู่เหมือนเดิม แต่ ฮันน่า กับ บาร์เบร่า ได้พัฒนาพล็อตเรื่องให้มีความหลากหลาย ไม่รู้จบ ทำให้ทอมกับเจอรี่กลายเป็นการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ MGM ซึ่งซีรี่ย์ทอมกับเจอรี่ รวมถึง Puss Gets the Boot ได้เข้าชิง Academy Award ถึง 13 รางวัล และคว้ามาได้ถึง 7 รางวัลด้วยกัน มากกว่าตัวการ์ตูนตัวอื่นๆเสียอีก..... ทว่าในช่วงที่ทอมกับเจอรี่กำลังได้รับความนิยมสูงอยู่นั้นเอง สื่อโทรทัศน์เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น จนมีผลกระทบต่อบริษัทหนังต่างๆ ซึ่งรวมไปถึง MGM ที่มีปัญหาเรื่องการเงินจนปิดตัวในปี 1957 ถัดจากนั้น 1 ปี ฮันน่า กับ บาร์เบร่า ได้ก่อตั้งสตูดิโอของตนเอง เพื่อผลิตผลงานภาพยนตร์ และ รายการโทรทัศน์ ซึ่งต่อมาก็ได้หยิบเอาทอม กับ เจอรี่ กลายเป็นอนิเมชั่นบนหน้าจอโทรทัศน์จวบจนถึงปัจจุบัน
หลังจากการปิดตัวของ MGM ทอม กับ เจอรี่ ก็ถูกบรรดาโปรดิวเซอร์อย่าง จีน ไดทช์ แห่ง Rembrandt Films และ ชัค โจนส์ นำไปทำใหม่ จนกระทั่งกลางยุค 60 ทอมกับเจอรี่ ถูกนำไปฉายทางโทรทัศน์
  ลักษณะการดีไซน์ตัวละคร ทอมจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณะไปเรื่อยๆ จากที่ช่วงแรกๆ จะมีลักษณะเป็นแมวขนดก หน้ากลมบ๊อก จนกระทั่งปลายยุค 40 ทอมมีลักษณะกลายเป็นแมวที่ลดทอนรายละเอียดลง และเคลื่อนไหวด้วย 2 เท้าจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งผิดกับเจอรี่ ที่แทบจะไม่เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เลย โดยในช่วงกลางยุค40 มีการเสริมความตื่นเต้นของเนื้อเรื่อง ไปพร้อมๆกับความรุนแรงที่แฝงมากับเนื้อเรื่องมากขึ้น

โดเรม่อนเรื่องย่อ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โดเรม่อน
เรื่อง ของเรื่องมันก็เริ่มจากเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่แสนจะขี้เกียจ เรียนก็ไม่เก่ง และไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ก็คือเด็กชาย โนบิ โนบิตะไงล่ะ แต่ละวัน โดนเพื่อนแกล้ง ครูตี แม่ดุ ไม่เว้นวัน ช่างน่าสงสาร แล้วต่อไปจะเป็น ผู้ใหญ่ที่ดีได้อย่างไร ดังนั้น เชวาชิ เหลนของเหลนของ โนบิตะจึงส่งหุ่นยนต์จากโลกอนาคต รูปร่าง เหมือนแมวตัวอ้วนกลม ตัวหนึ่ง และ เขาก็คือโดเรม่อน โดเรม่อน มาจากศตวรรษที่ 22 ถูกส่งมาเพื่อคอยช่วยเหลือโนบิตะ ให้พ้นจากความยากจน และการแต่งงานกับไจโกะ น้องสาวผู้แสนน่าเกลียดของไจแอนท์ หลังจากที่โดเรม่อนโผล่ออกมาจากลิ้นโต๊ะหนังสือของโนบิตะ เรื่องราวการผจญภัยต่างๆ ก็เริ่มต้นขึ้น
ส่วนหุ่นยนต์แมวตัวเล็กๆสีเหลืองน่ารัก นั้นก็คือน้องสาวของ โดเรม่อน ชื่อ โดเรมี่เป็นหุ่นยนต์ที่มีประสิทธิภาพ มากกว่าพี่ชายเยอะเลย ใจดีและรักพี่ชายมาก

โดเรม่อน 
มี บุคลิกลักษณะเหมือนมนุษย์หลายอย่าง เช่น ชอบกินขนมโดรายากิ ที่ทำจากถั่วแดงและแป้งหวาน โดเรม่อนมีกระเป๋าหน้าท้อง ซึ่งเชื่อมต่อกับศตวรรษที่ 22 กระเป๋า4มิติ ที่เชื่อมโยงระหว่างโลกปัจจุบันและอนาคตได้ ในนั้น เต็มไปด้วยของวิเศษมากมาย ซึ่งจริงๆแล้วเป็นแค่ของเล่น ของเด็กๆ ในอนาคตเท่านั้นเอง ของวิเศษเหล่านี้ ช่วยให้ชีวิตประจำวันของโนบิตะ ดีขึ้น ไม่ต้องถูกรังแก แต่เขามักจะใช้ไปในทางที่ไม่ถูกต้องบ่อยๆ และก็มักจะหาเรื่องวุ่นวายมาให้โดเรม่อน บ่อยๆด้วย ทำให้เกิดความวุ่นวายโกลาหล เพื่อนๆของ โนบิตะก็เป็นเพื่อนกับโดเรม่อนเหมือนกัน ทุกคนรักโดเรม่อน และมักจะมาเล่น สนุกกับเครื่องมือต่างๆ ที่โดเรม่อนเอาออกมาใช้เสมอๆ .....

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

มินเนี่ยน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การ์ตูนมินเนี่ยน
มินเนียน สิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว ตัวสีเหลือง พวกเขาวิวัฒนาการขึ้นมาจากเซลล์เล็กๆ เพียงเซลล์เดียวตั้งแต่อดีตกาล พวกเขาทั้งเล็ก แถมมีนิสัย และรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกัน คือพวกเขาต้องการรับใช้จอมวายร้ายสุดแสบทุกราย แต่ให้หลังจากการทำลายหัวหน้าของพวกเขาสารพัด ไม่ว่าจะเป็น ทีเร็กซ์ เจงกีส ข่าน นโปเลียน และแดรกคูลา พวกเขาตัดสินใจที่จะหลีกหนีความวุ่นวายและทำให้หายไปจากโลกนี้ด้วยการไปใช้ชีวิตตามลำพังที่แอนตาร์กติกา
แต่พวกเขากลับพบว่า เมื่อไปใช้ชีวิตแบบนั้นมันทำให้พวกเขาไม่มีความสุขในชีวิตเลย ในปี 1968 (42 ปี ก่อนพบเฟลูเนียส กรู) เควิน หนึ่งในมินเนียนได้ตัดสินใจที่จะออกเดินทางค้นหาจอมวายร้ายเพื่อคืนความสุขให้กับพวกมินเนียนอีกครั้ง เขาตัดสินใจรวมทีมกับ สตวร์ท มินเนียนแรกหนุ่ม และ บ็อบ เด็กน้อยผู้น่ารัก เพื่อร่วมออกเดินทางในครั้งนี้ด้วย จนกระทั่งไปพบกับ สการ์เล็ต โอเวอร์คิลล์ (ซานดรา บุลล็อก) จอมวายร้ายหญิงยอดนิยมในยุคนั้นภายในงานชุมนุมจอมวายร้าย 1968 สการ์เล็ต ตัดสินใจจ้างทั้งสามคนเข้าทำงานในฐานะลูกสมุนใหม่ แต่ความปั่นป่วนของลูกสมุนชุดนี้ ทำให้สการ์เล็ตแอบวางแผนอะไรบางอย่างโดยที่พวกเขาไม่รู้ในระหว่างการเดินทางรอบโลกจนกระทั่งถึงที่หมายสุดท้ายคือ ลอนดอน ที่ๆ พวกเขาจะได้รับใช้สการ์เล็ตในครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จนสิ้นซาก

ตัวละครในการ์ตูนหมีพูห์

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ วินนี่-เดอะ-พูห์


วินนี่ เดอะ พูห์ วินนี่ เป็นหมีที่น่ารัก เป็นสิ่งที่ใช้แทนความนุ่มนวลและอ่อนโยน เป็นหมีที่มีสมองอันเล็กน้อยจึงไม่แปลกที่เขาจะไม่ฉลาดในหมู่เพื่อนๆของเขา แต่ก็มีความผูกพันกันเป็นอย่างดี ซึ่งเพื่อนๆได้ยกย่องให้พูห์เป็นผู้นำ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของพูห์กลับเป็นน้ำผึ้งและจะหิวอยู่ได้ตลอด ไม่ว่าสิ่งใดจะเงียบอยู่แต่ท้องของพูห์ก็จะร้องดังขึ้นมาเสมอ (พากย์เสียงภาษาไทยโดย ศรัณย์ ทองปาน)
พิกเล็ต
ทิกเกอร์
อียอร์
แร็บบิท
แคงก้า
รู
คริสโตเฟอร์ โรบิน
ลูงฮูก

พิกเล็ต หมูน้อยผู้อ่อนโยนและถ่อมตัว เป็นหมูที่ตัวเล็กมากแต่ใจของเขาไม่ได้เล็กด้วย เขาใจกว้างในหมู่เพื่อน พิกเล็ต ไม่ค่อยที่จะกระตือรือร้นที่จะทำอะไรซักอย่าง และชอบพูดติดอ่างในบางครั้ง กลัวในสิ่งที่ยังไม่รู้แน่ว่ามันเป็นอะไร เขารักเพื่อนๆของเค้ามากโดยเฉพาะหมีพูห์ และยังมีอารมณ์เป็นศิลปินด้วยชอบร้องเพลงและแต่งกลอนให้เพื่อนๆฟัง (พากย์เสียงภาษาไทยโดย ทวี ศรีประดิษฐ์ (อดีต), วิรัตน์ สิงหเดชากุล (ปัจจุบัน) )
ทิกเกอร์ เสือที่ใช้หางของตัวเองกระโดดไปไหนมาไหนได้เหมือนกับสปริง ในตัวของทิกเกอร์ เต็มไปด้วยความสนุกสนานอย่างที่สุด เขามักจะแบ่งความสนุกกับเพื่อนของเขาเสมอ แต่ยกเว้นกับ แร็บบิท ที่เขาไม่ค่อยอยากจะสนุกด้วย เป็นเสือที่ชอบใช้คำพูดที่ผิดๆ ชอบโอ้อวดพูดอะไรเกินจริง เป็นตัวป่วนที่สุดในหมู่เพื่อน และชอบทำตัวเป็นผู้รู้และชอบเป็นนักสืบ (พากย์เสียงภาษาไทยโดย ประวิทย์ วัฒนาชาติวงศ์ (อดีต) และ มาโนช ยิ้มแย้ม (ปัจจุบัน))
อียอร์ เป็นลาที่ดูซื่อๆ ไม่เคยคาดหวังอะไรจากคนอื่นและตัวเอง จึงมีแต่เพื่อนของเขาที่คอยให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ ความฝันของเขาเป็นสิ่งที่เวอร์สุดๆ การแสดงออกทางอารมณ์เมื่อดูที่สีหน้าของเขาก็จะรู้ทันทีว่าเขารู้สึกอย่างไร อียอร์ถ้าดูภายนอกก็แค่ลาสีเทาตัวหนึ่ง แต่ภายในจิตใจของเขาเต็มไปด้วยความเอื้ออารี ให้ความช่วยเหลือคนอื่นด้วยความเต็มใจเสมอ และมีโอกาสทำพลาดน้อยมาก (พากย์เสียงภาษาไทยโดย เอกชัย พงษ์สมัย)
แร็บบิท เป็นกระต่ายที่ขยันมาก เขามีที่ดินที่เขาใช้ปลูกพืชผักของเขากว่า 25 ไร่ เขาจะหวงพื้นที่นี้ที่สุด ห้ามใครเข้าใกล้ก่อนได้รับอนุญาตเด็ดขาด วันๆ เอาแต่ดูแลสวน แร็บบิท เป็นกระต่ายที่ทะนง ในความคิดของตัวเองที่สุดชอบแสดงตนเป็นผู้รู้ที่สุดและก็มักจะผิดพลาดเสมอ แต่เขาก็ยอมรับกับความผิดพลาดของเขา เป็นกระต่ายที่ตื่นตูม แต่เขาก็รักเพื่อนของเขาที่สุด (พากย์เสียงภาษาไทยโดย อนุวัตร สุวรรณสโรช)
แคงก้า แม่ของ รู ผู้อ่อนโยน มีจิตใจดี โอบอ้อมอารี มักจะทำอาหารให้เพื่อนคนอื่นเสมอ (พากย์เสียงภาษาไทยโดย พจมาน หงษ์ทอง)
รู เป็นจิงโจ้ที่เด็กที่สุดในหมู่เพื่อนๆ เต็มไปด้วยความไร้เดียงสาที่สุด สนุกไปวันๆ อยากรู้อยากเห็น การค้นพบอะไรซักอย่างเล็กๆน้อยๆคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา เป็นคนที่แสดงออกด้านความรักกับแม่ของเขาอย่างชัดเจน และมักเห็นอกเห็นใจคนอื่นเสมอ เขามีเพื่อนที่สนิทที่สุดคือลัมปี้ ซึ่งเข้ากันได้เป็นอย่างดี และก็สร้างความปวดหัวให้กับเพื่อนๆและพูห์เสมอ (พากย์เสียงภาษาไทยโดย จินดานุช โชคดีภูษิต)
เด็กชายนิสัยดี เพื่อนที่น่ารักของสัตว์ทั้งหลายในป่า 100 เอเคอร์ ผู้เป็นทื่พึ่งพิงของทุกคน อายุ14-15 ปี

ลูงฮูก นกฮูกที่อาศัยอยู่บนต้นไม้สูง อาวห์ชอบคุยเรื่องแปลกๆจนเกิดการผจญภัยขึ้นหลายครั้ง เช่น ครั้งที่ต้องไปช่วยคริสโตเฟอร์ โรบิน เพราะความเข้าผิดของลูงฮูก (พากย์เสียงภาษาไทยโดย สิทธิสม มุทธานุกูลวงศ์)

จุดกำเนิดหมีพูห์

มิลน์ตั้งชื่อตัวละครวินนี่-เดอะ-พูห์ตามชื่อหมีเท็ดดีซึ่งบุตรชาย คริสโตเฟอร์ โรบิน มิลน์ เป็นเจ้าของ ผู้ซึ่งเป็นแบบของตัวละครคริสโตเฟอร์ โรบิน ของเล่นของคริสโตเฟอร์ยังได้ใช้เป็นชื่อของตัวละครอื่นส่วนใหญ่ ยกเว้นตัวละครนกฮูก กระต่ายและโกเฟอร์ ซึ่งเพิ่มเข้ามาในรุ่นดิสนีย์ หมีของเล่นของคริสโตเฟอร์ โรบิน ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่สาขาหลักของหอสมุดสาธารณะนิวยอร์กในนครนิวยอร์ก
Colebourn กับหมีวินนี่
คริสโตเฟอร์ มิลน์ตั้งชื่อหมีของเล่นของเขาว่า วินนี่ หมีดำแคนาดาซึ่งเขามักเห็นบ่อยที่สวนสัตว์ลอนดอน และ "พูห์" หงส์ที่พวกเขาพบขณะเป็นวันหยุด ลูกหมีตัวนั้นถูกซื้อมาจากนายพรานเป็นราคา 20 ดอลลาร์สหรัฐ โดยร้อยโทแคนาดา Harry Colebourn ในไวต์ริเวอร์ รัฐออนแทริโอ ประเทศแคนาดา ขณะเดินทางไปอังกฤษระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เขาตั้งชื่อหมีนั้นว่า "วินนี่" ตามชื่อเมืองเกิดของเขาในวินนีเพ็ก รัฐแมนิโทบา "วินนี่" ถูกลอบซื้อไปยังอังกฤษร่วมกับเจ้าของของมัน และกล่าวขานกันว่าเป็นมาสคอตประจำกรมฟอร์ตแกร์รีฮอร์สอย่างไม่เป็นทางการ Colebourn ทิ้งวินนี่ไว้ที่สวนสัตว์ลอนดอน ขณะที่เขาและหน่วยของเขาประจำอยู่ในประเทศฝรั่งเศส หลังสงคราม มันถูกบริจาคให้แก่สวนสัตว์อย่างเป็นทางการ เมื่อมันได้รับความสนใจรักใคร่เป็นอันมาก

ป่าแอชดาวน์: ฉากของเรื่อง[แก้]

เรื่องวินนี่-เดอะ-พูห์จัดว่าเกิดขึ้นในป่าแอชดาวน์ มณฑลซัสเซ็กซ์ อังกฤษ ป่านั้นอยู่ในบริเวณธรรมชาติงดงามที่ดีเด่นไฮวีลด์ (High Weald Area of Outstanding Natural Beauty) ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของกรุงลอนดอน 50 กิโลเมตร ใน ค.ศ. 1925 มิลน์ ซึ่งเป็นชาวลอนดอน ซื้อบ้านชนบทห่างจากป่าไปทางเหนือ 1 ไมล์ คริสโตเฟอร์ บุตรชายของมิลน์ ว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากป่าแอชดาวน์ บิดาของเขาได้ใช้มันเป็น "ฉากหลักของหนังสือสองเล่มของท่าน โดยเล่มที่สองเสร็จนานกว่าสามปีหลังมาถึงเล็กน้อย"
สถานที่หลายแห่งในเรื่องสามารถเชื่อมโยงกับสถานที่จริงทั้งในและรอบ ๆ ป่าได้ ดังที่คริสโตเฟอร์ มิลน์เขียนในอัตชีวประวัติของเขา "ป่าของพูห์และป่าแอชดาวน์เหมือนกัน" ตัวอย่างเช่น "ป่าร้อยเอเคอร์" ในบันเทิงคดีนั้น แท้จริงแล้วคือ ป่าห้าร้อยเอเคอร์